Pages

Tuesday, October 5, 2010

พาชิมขนมปังสังขยาเจ้าดัง Yakun Kaya Taost @ Singapore จ้า By น้องผักอ้วน

สวัสดีค่ะ หลังจาก รีวิวก่อน น้องผักอ้วนพาไปชิมทาร์ตไข่ Lord stow เจ้าดังที่มาเก๊า ตามกระทู้

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E7518519/E7518519.html

แต่ว่ากระทู้พินาศไปแล้ว เนื่องจากลืมกดเข้าคลังกระทู้ น้องผักอ้วนพลาดอ่ะ ขี้แง กระทู้นี้จึงขอแก้ตัวด้วยการพาไปทานขนมปังสังขยาเจ้าอร่อยจากที่สิงค์โปร์ค่ะ หลายคนบอกเอ๊ะ ขนมปังสังขยาธรรมดา ไปกินที่ไหนก็ได้ งั้นขอกระซิบบอกเลยนะคะ ว่ารสชาติมันต่างจากของบ้านเราเยอะค่ะ ไม่รู้จะบรรยายยังไงอ่ะค่ะ เอาเป็นว่าใครไปสิงค์โปร์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ ตามมาเลยค่า


เอ...ว่าแต่คิ้วน้องผักอ้วน กับ สายน้ำที่ตัวเมอไลอ้อนพ่นออกมา อะไรโก่งกว่ากันค๊ะ ? wink

 


ความอร่อยของขนมปังสังขยาเจ้านี้ หากให้น้องผักอ้วนเอื้อนเอ่ย หรือพิมพ์ออกมา ก็คงการันตรีได้แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น


แต่สิ่งนี้ต่างหากค่ะ ที่จะทำให้หลายคนที่เคยไปสิงค์โปร์ต้องแวะ ตามคำเชื้อเชิญ

นี่เลยค่ะ   แม้แต่ในหนังสือท่องเที่ยวสิงค์โปร์ ก็ยังมีแนะนำให้ไปทานด้วย


ต้องขอขอบคุณหนังสือ  เที่ยวไม่ง้อทัวร์  ด้วยที่ทำให้  กะเทยผู้ทรนง  เที่ยวไม่ง้อผัว อย่างน้องผักอ้วนได้ค้นพบ ขนมปังสังขยาที่อร่อยถูกจิต ขนาดนี้ จุ๊บๆ



วิธีการเดินทางก็แสนง่าย  เพียงแค่คุณควานหาบัตร อีซี่ ลิงค์  แล้วกระแทกส้นสูง มุ่งหน้าไปยัง MRT เพื่อไปยัง  China town Station



เมื่อถึงแล้วน้องผักอ้วนก็สอดส่ายสายตามองหา ทางออกตัวอี    

(โปรดอ่านดีๆ)    น้องผักอ้วนมองหาทางออกตัวอี อย่าเผลออ่านเป็น อีผักอ้วนมองหาทางออก  haha




เมื่อคุณงมหาทางออกตัว E เจอ  จงขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อโผล่มายังผืนผสุธา แล้วกวาดตามอง  หา  ร้าน คอฟฟี่ บีน ดังภาพ



แล้วเดินตรงดิ่งมายังถนนที่ทอดตัวยาวข้างๆ คอฟฟี่บีน


ณ จุดนี้  จงเดินตรงไปแบบ non stop ค่ะ   เดินไปเลย สวยๆ ตรงดิ่ง 90 องศา no left  no right  


ระหว่างทางคุณจะผ่าน ตึกหลายคูหา  ผ่านร้านขายยาจีนโบราณ ผ่านสี่แยกไฟแดง ฯลฯ จนคุณเริ่มเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่า " ไกลship จะคุ้มไหมเนี่ย เดินเพื่อขนมปังก้อนเดียว



ระหว่างทางน้องผักอ้วนเชื่อมั่นว่า หลายคนอาจจะเริ่มประหม่า ว่าจะหลงมั๊ย? ไม่ต้องกลัว   จงมั่นใจหาประชากรสิงค์โปร์ที่หน้าตาอินเตอร์ๆ หน่อย แล้วถามเค้าว่า ฟาร์อีสท์แสควร์อยู่หนใด  หรือ "Where is Far east squre"

หลังจากที่เดินตามพิกัดที่ อาม่า อาเหล่าม่า  ชี้โบ้ชี้เบ้ไปเรื่อย ..  ขอให้คุณระลึกไว้เสมอว่าจงยึด "Far east squre" เป็นสรณะ  


ขยันมองหาป้ายหน่อยนึงนะคะ  หิ่นหิ่น



สักพักน้องผักอ้วนเริ่มจับพลังอำนาจของ ฟาร์อีสแสควร์ได้ จากป้าย แถวนั้น  ฝีเท้าไวกว่าความคิด  ข้ามถนนแล้วก็เบี่ยงซ้ายทันทีค่ะ



นั่นไงคะ เห็นป้ายลิบๆ แล้วค่ะ



จุดสังเกตุ คือ  ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับร้านพิซซ่าใส่หมวก


ตรงข้ามกับ ร้านซูชิ เท อะไรสักอย่างค่ะ 
 ( ต๊าย ถ้าไม่แปะป้ายว่าเป็นร้านซูชิ น้องผักอ้วนสันนิษฐานจากรูปตัวอาคารนึกว่าเป็นร้ายขายขนมจีบซาลาเปา)



ถึงแล้วค่า ไม่ผิดแน่ๆ เห็นป้ายนี้


ร้านเค้าดูคลาสสิคดีนะคะ   บรรยากาศบ้านๆ ดี 
เหมือนนั่งเล่นอยู่บ้านแล้วให้คุณตาคุณยายชงกาแฟมาให้ดื่ม



ดูเผลินๆ คล้ายโรงเตี๊ยม โบราณๆ   หรือประมาณสภากาแฟ แถวบ้านเราเหมือนกัน


หรือใครจะชอบนั่งบรรยากาศชิวๆ แบบสไตล์ open fan ก็มีให้ท่านเลือกเลือกสรร


ของเค้าดีจริง  ชัดเจน  ดูได้จาก..



เก่งมาจากไหน  ก้ต้องพ่ายแพ้ให้กับ  Yakun kaya


สาบานได้ว่าน้องผักอ้วนเพิ่งเห็นรายละเอียดจากตอนนั่งทำรีวิวนี่แหละ  

อูยยย  ไม่ใช่อุจจาระๆ นะคะ   ทำกันเป็นบริษัทเลยนะคะ ไม่ใช่ร้านสังขยาปลาแห้ง แบบริมถนนบ้านเรานะคะคุณ


หลังจากเดินใสๆ  อวดโฉม +ถ่ายภาพเพื่อการทำรีวิวจนรอบร้านให้ประจักษ์แก่คนที่นั่งดื่มกินในร้านแล้ว ต่อมใต้สมองก็เริ่มสั่งการบอกว่า "หิว"


นั่งสักพัก เมนูก็ร่อนมาถึงโต๊ะแล้วค่ะ  

อุ๊ แม่เจ้า! คุณคะ ช่วยบอกทีว่าดิฉันตาไม่ฝาด  นี่คือเมนูสามภาษา ที่แรกที่เดียวในโลกหรือป่าวคะ ? เก๋มาก   น้องผักอ้วนนึกว่าจะมีแค่โรงหนังพระโขนงเธียเตอร์แถวบ้านน้องผักอ้วนที่เดียว ที่ฉายหนังสามภาษา  โอว์ แหล่มเลย...



เจ้าของร้าน คงเห็นน้องผักอ้วนทำหน้าไม่สู้ดี(แบบนี้ค่ะ  -"-) ตอนอ่านเมนู จึงถามว่าน้องผักอ้วนสัญญาติอะไร  พร้อมกับวิ่งไปหยิบสิ่งนี้มาให้ค่ะ  อืมม...ช่วยได้เยอะเลย

แหมจะว่าน้องผักอ้วนภาษาไม่แตกฉานก็ไม่ได้ คุณลองอ่านดูสิคะ จะว่าน้องผักอ้วนตาฝาด หรือเมายาคุมฮอร์โมนไม่เสถียร ก็ได้

"ต้นมะพร้าว ผลไม้กวน"

ต๊ายยย นี่เดินทางมาตั้งไกล จะงัดต้นมะพร้าวมาฟาด เอ๊ย เสริ์ฟกันเลยเหรอคะ  ฮ่าฮ่าฮ่า



ไข่ลวก  โห อยากจะให้เค้าสอนน้องผักอ้วนลวกแบบ มีเดียม แร แบบนี้บ้างจัง ลองทำดูไม่สุกไป ก็ ดิบไปอ่า  ดูสิคะน่ากินมั๊ย  เด้ง เหมือนหน้าน้องผักอ้วนเลย



กำลังจะง้าง ช้อนเจาะไข่แดง จู่ๆ อาแปะเจ้าของร้านก็เดินมาโวยวายๆ   ตายล่ะ นึกในใจ นี่น้องผักอ้วนเผลอไปทำอะไรผิดผีที่ร้านเค้าป่าวหว่า

เล่นเอาน้องผักอ้วนกับแฟนทำหน้ามึนเลิ่กลั่กๆ ใส่กันอยู่สักพัก ก็พอจับใจความได้ว่า ...อ๋อ  อาแปะ อี บอกว่าให้ใส่ซอสกับพริกไทยด้วย

เฮ้อ  ขวัญเอ๋ยอีเรียมมา...น้องผักอ้วนใจลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแว๊ปเลยอ่า แปะนะแปะ



โอเค รู้เรื่อง  ปรุงนิดปรุงหน่อย อร่อยจริงเรื่องปิ้งย่าง  

อ่อ..อาแปะ อียังแอบเดินมา follow up ด้วยน๊า  ประมาณว่าไข่ลวกข้านี่แหละเริ่ดสุดในปฎพี  แถมเชียร์ให้สั่งเพิ่มด้วย ประหนึ่งรู้ว่า  ต้องโด๊ปไว้เพราะอีกช่วงราตรีข้างหน้าไม่กี่ชั่วโมงจะต้องใช้พลังอันมหาศาล smile


แล้วก็มาถึงพระเอก ของเรา  ขนมปังสังขยา  เป็นไงคะ หน้าตาแปลกๆ เนอะ ไม่เหมือนบ้านเรา ที่ใช้ขนมปังนึ่งนิ่มๆ จิ้มกับสังขยาสีส้ม สีเขียว อะไรแบบนั้น

หลายท่านมองเผลินๆ อ่านนึกว่าเป็นขนมปังปล่าวๆ ด้วยซ้ำไป




1  ชุด มี 2 ชิ้น  2 ชิ้น มี สี่แผ่น  (งงมั๊ย)



สังเกตุรังสีอำมหิตจากฝั่งตรงข้ามได้ไหมคะ  ประมาณว่า "รีบถ่ายซะที  ตูหิววว"



ผ่างงง~

แหวกให้ดู   ชั้นแรกเค้าจะทาสังขยา บางๆ ไว้  แล้วก้เหมือนมีเนยสด โปะ ไว้ข้างบนอีกที ค่ะ  ส่วนชั้นล่าง เป้นขนมปังเพรียวๆ ค่ะ  คงเป็นสูตรของเค้านะคะ


มีอีกเวอร์ชั่นนึง รู้สึกจะเป็นแบบเนยถั่ว  แต่ว่าไม่ได้ลองค่ะ ดูรูปแล้วน่าจะโออยู่



หลังจากกินเสร็จ น้องผักอ้วนก็บอกกับตัวเองเบาๆ ว่า "ไม่พอ ขอเบิ้ล " จึงรบเร้า ขอให้แฟนยืดอกพกถุง  สั่งกลับบ้านให้อีกอัน ฮิฮิ


นี่ไง น่ากินไหม  ถ้าสั่งเฉพาะขนมปัง รุ้สึกจะสนนราคาอยู่ที่ 1.3 เหรียญหรือยังไงนี่แหละค่ะ จำไม่ค่อยได้ อันเนื่องมาจาก เป็นปลาทอง และไม่ได้ออกเอง มีเสี่ยเลี้ยง wink


อ่อ ขอบอกว่า เอากลับบ้าน และไม่ได้กินตอนร้อนๆ ความอร่อยจะลดลงไปถึง 50เปอร์เซนต์เลยนะคะ ทีแรกกะว่าจะซื้อไปฝากแม่และเพื่อน แต่พอได้กินตอนที่มันเย็นแล้ว ถึงกับทำให้น้องผักอ้วนเผลออุทาน ออกมาเบาๆว่า "แหวะ"



บทสรุปแห่งชีวิต


สำหรับราคานี้ ก็ถือว่าโอเคค่ะ บริการดี น่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส ในส่วนของเครื่องดื่ม และไข่ลวกค่อนข้างธรรมดา  จุดขายอยู่ที่ตัวขนมปังสังขยาอย่างเดียวเลย  ที่แปลกและอร่อยไม่เหมืนอของเมืองไทย   ร้านอยู่ค่อนข้างไกลไปนิด กว่าจะไปถึงร้านเล่นเอาเครื่องสำอางค์ที่ประโคมไว้ละลาย เพราะเหงื่อไหลไคลย้อย กะจะบอกว่าที่ร้านว่าเอามาแต่ขนมปัง สังขยาไม่ต้องเพราะจะเอามาจิ้มกับหน้าตัวเอง ที่เละ ประหนึ่งสังขยา ฮ่าฮ่าฮ่า

แต่ถ้ามีโอกาสได้ไปสิงค์โปร์ก้แนะนำให้ไปลองชิมดูค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาติดตามค่ะ


ลากันด้วย พริตตี้หนุ่ม  จขกท( เจ้าของกะเทย)  wink
















No comments:

Post a Comment