มีเธอมีฉัน มีกันและกัน... 2วัน@Hongkong By น้องผักอ้วน

 สวัสดีค่ะ   น้องผักอ้วนชวนเที่ยวมาอีกแล้ว คราวนี้เป็นการไปฮ่องกงครั้งที่สอง ของผักอ้วนและแฟนค่ะ  น้องผักอ้วนไปมาล่าสุดเมื่อเดือนกันยาปีที่แล้ว แต่ไปแล้วไม่ได้เที่ยวไหนเลยเพราะเจอพายุระดับแปดโดยมิได้นัดหมาย   ส่วนแฟนก็ไม่ได้ไปมาเกือบยี่สิบปีแล้วค่ะ  ครั้งนึงเป็นการเติมเต็มทริป แล้วก็เติมเต็มความรักของกันและกันไปในตัวด้วย อ่อแนะนำให้เตรียมกระโถนไว้ใกล้ๆ นะคะ  เพื่อใครจะอ้วกระหว่างรับชม อิอิ


โปรแกรมคร่าวๆ สำหรับทริปนี้ มีดังต่อไปนี้ค่ะ  

วันแรก

15.45 น. สายการบินบางกอกแอร์เวย์ นำท่านสู่ท่าอากาศนานาชาติ เชค แลป กอก
ฮ่องกง โดยปลอดภัย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย นั่งรถ Airport Bus
สาย A11 ไปยัง North Point
17.30 น. ถึง โรงแรม IBIS North Point เก็บสัมภาระเตรียมตัวเที่ยว
18.00 น. เดินทางไปยังฝั่งเกาลูน เพื่อไปชม Symphony of  Light นั่ง MTR จากสถานี
North Point ไปยังสถานี Tsim Sha Tsui
18.30 น. ถึงสถานี Tsim Sha Tsui เดินย้อนกลับมายังฝั่งอ่าวเกาลูน
เดินชม Avenue of Star ชมแสงสีตึกจากฝั่งฮ่องกง
20.00 น. ได้เวลาชม Symphony of Light ดนตรีประกอบเสียงสีเสียง สุดตระการตา
(15 นาที)
20.30 น. เดินทางไปยัง Lady Market , Tample Street ช้อปปิ้งของถูกบริเวณย่าน
Yau Ma Tei ลง MTR สถานี Yau Ma Tei
23.00 น. เดินทางกลับโรงแรม

วันที่สอง

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าแถว north point
08.45 น. เดินทางไปชมพระใหญ่วัดโปลินนั่งรถ MTR จาก North Point ไปยัง Tung Chung
10.00 น. ถึงสถานี Tung hung เดินออกมาผ่าน Outlet เพื่อต่อขึ้นสถานี Cable Car
10.30 น. ขึ้นกระเช้าไปยังโปลิน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ชมทิวทัศน์สนามบิน chek lap kok
อ่าว Tung Chung
11.00 น. ถึงสถานีปลายทาง Cable Car ออกจากกระเช้าระหว่างทางเดินไปยังพระใหญ่โปลิน
มีหมูบ้านคนจีนจำลองไว้ มีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกระหว่างทาง
12.00 น. ขึ้นไปสักการะพระใหญ่ บนยอดเขากัน
13.00 น. เดินทางกลับ
13.30 น. แวะทางอาหารเที่ยงที่ห้าง Out let
14.30 น. นั่ง MRT กลับระหว่างทางแวะลงที่ สถานี Sunny bay แล้วต่อรถไฟสาย Disneyland
เพื่อแวะไปถ่ายรูปที่ Disneyland
15.30 น. ออกจาก Disney Land ไปยัง Victoria Peak นั่ง MRT ไปลงสถานี Central แล้วเดินขึ้น
เขาไปยังสถานีรถราง Peak Tram
17.00 น. ถึงสถานีรถราง Peak Tram รอคิวซื้อตั๋วรถราง (คนเยอะมาก บางทีรอคิวนาน)
18.00 น. เดินทางขึ้นไปยัง The Peak ตามรอยละคร หยกลายเมฆ
20.00 น. เดินทางกลับไปยังสถานี Central เพื่อไป Causeway Bay
20.30 น. ช้อปปิงย่าน Causeway Bay
22.30 น. กลับโรงแรม

วันที่สาม
09.00 น. เช็คเอาท์ ฝากของไว้ที่โรงแรม เดินทางไปยังสถานี Wong Tai Sin ไปยังวัด
หวังต้าเซียน ชื่อดัง
10.00 น. ถึงวัดหวังต้าเซียน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์(แอบเปลี่ยนเป็นวัดเจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay)
11.00 น. นั่งรถ MTR มาลง ที่ Prince Edward หรือ Mongkok ช้อปปิ้งก่อนกลับ
19.00 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เชค แลป กอก ทำการเช็คอินสายการบินไทยแอร์เอเชีย(ซึ่งดีเลย์เป็น 22.30)
01.15 น.  ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ

------------------------------------------------------------------------
ใครจะนำทริปไปใช้ก็ได้ ไม่สงวนนะคะ ตามสบาย  ซึ่งก็ต้องขอบคุณกิ๊กน้องผักอ้วนด้วยที่ช่วยเขียนโปรแกรมให้   (กิ๊กเขียนทริป แต่ไปเที่ยวกับสามีตัวจริง  ถือว่าไม่ผิดแต่อย่างใด จัดว่าเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน  ช่วยกันทำมาหากิน )

ทริปนี้น้องผักอ้วนใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ สายการบินสุดที่รักในดวงใจตลอดกาล  รักขนาดถึงว่าถ้ามีโจทก์ให้เลือกระหว่างสามีกับสายการบินนี้ น้องผักอ้วนคงต้องกลั้นใจบอกให้สามีหันหลังกลับคืนสู่ธรรมชาติไปซะดีกว่า..ก็คิดดูเอาเถอะค่ะ


อ่อ เป็นเส้นทาง สมุย-ฮ่องกงค่ะ เพราะน้องผักอ้วนต้องการเที่ยวแบบ twoway ทั้งแบบ ธรรมชาติ และ แบบแนวเทคโนโลยี่แสงสี ทั้งสองอย่างไปในตัว

เวลา 15.45 เราก็มาถึงแผ่นดินฮ่องกงตามเวลาเป๊ะค่ะ  ...ยินดีต้อนรับ สู่เชค แลป กอก นะคะ

พอมาถึงสนามบินสิ่งแรกที่ต้องทำเพิ่มขึ้นในยุคสมัยนี้ก็คือตรงส่วนนี้เลยค่ะ

ซึ่งก็ละเลยประมาทไม่ได้ค่ะ น้องผักอ้วนก็protect ปิดหน้ากากแบบไม่ห่วงสวยเต็มที่ค่ะ   ถึงแม้ว่า  80 คนที่เสียชีวิตจากไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยจะไมมีกะเทยแม้แต่คนเดียวก็ตาม..

แต่ขอบอกว่าทริปนี้ไมได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิดค่ะ


น้องผักอ้วนโดน ตม.กักตัว  ตอนแรกนึกว่าสาเหตุเสี่ยงH1N1 เพราะเค้าคิดว่าปอดบวม แต่ปล่าวค่ะ  สาเหตุเพราะสวยเกินคำนำหน้าในพาสปอร์ตนั่นก็คือคำว่า Mr. ที่ตามหลอกหลอนกันมาทั้งชีวิตค่ะ  เฮ้อ


นับว่าเป็นครั้งที 2 ค่ะที่โดน  คราวที่แล้วข้ามมาจากมาเก๊าทางเรือก็โดนไปหนนึงแล้ว ค่ะคราวนี้ลงเครื่องบินมาก็โดน เรียกว่าสวยมาจากไหนก็ต้องพ่ายตม. ฮ่องกงค่ะ แต่ก็เข้าใจนะคะ ว่าสาวเพศทางเลือกแบบน้องผักอ้วนคงทำงามหน้าไว้เยอะค่ะ    


เอาเป็นว่าแพลนทริปที่คาดว่าจะไปดูSOL ในคืนนั้นก็ต้องยกเลิกไปโดยปริยายค่ะ เพราะกว่าจะโดนสอบเครียดเสร็จได้รับกระเป๋าก็ปาไป 6 โมงเย็น!!! เครื่องลง 3.45 เป๊ะ  แพลนทริปน้องผักอ้วนถึงกับพินาศไม่เป็นท่าเลยทีเดียว  งานนี้ขอบอกว่าสงสารแฟนมากค่ะ ที่ต้องมานั่งรอเป็นเพื่อนนานสองนาน

ดูสิคะเวลาเพิ่งจะได้ขึ้นรถเมล์ออกจากสนามบิน  ถ้าไม่ติดว่าโดนตม. ลากไปนั่งในห้องสืบสวนสออบสวนนั่น (ประชากรในห้องนั้นประกอบด้วย นิโกรผิวดำ 99 ส่วน กะเทย 1 ส่วน )  เฮ้อ ไม่งั้นเวลาโพล้เพล้ๆแบบนี้น้องผักอ้วนคงกำลังตากผ้าอ้อม  เอ้ย  คงเริงร่าอยู่ส่วนใดส่วนนึงในย่านจิมซาจุ่ยเป็นแน่  แต่เอาเถอะค่ะ คิดมากจะกร่อยป่าวๆ   เชิ่ดใส่ค่ะ ประเทศไหนไม่มีกะเทย ประเทศนั้นเชยสะบัด...

พักย่านNorth point ค่ะ  สนนราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 40 us ค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงค่ะเพราะสุดสายที่North point พอดี สะดวกมากและเหมาะมากสำหรับสาวที่ฮอร์โมนไม่เสถียรขี้หลงขี้ลืมเยี่ยงน้องผักอ้วน

รังรักของเราในวันนี้  คือที่นี่ค่ะ IBIS NORTH POINT    ที่ตัดสินใจเลือกที่นี่ห้องค่อนข้างเล็ก เหมาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างน้องผักอ้วนค่ะ  ป่าวหรอกค่ะจริงๆคือมันถูกเว่อร์ บอกราคาแล้วอย่าตกใจนะคะ  คืนละ 600+ บาทเท่านั้นค่ะ ผลอานุภาพราคานี้ได้มาจากมาจากลุงโฮที่กำลังฟีเวอร์ติดกระแส BP ในขณะนี้ค่ะ


ที่เห็นในรูปไม่ต้องปริ้นแล้วส่งไปให้พี่ป๋องกพล ทองพลับนะคะ  ..คู่ตุนาหงันของน้องผักอ้วนเอง

ห้องเล็กได้อีก   น้องผักอ้วนกระแทกส้นสูงห้า-หกทีก็เดินรอบห้องแล้ว

ช้าก่อนค่ะ  เรากำลังจะบอกว่า จ่ายในราคาแค่นี้ แต่ขอโทษนะคะ  Seaview นะค๊า...


แถมติดอู่รถเมล์อีกตะหาก เอาซี้..

อีกทั้งเพียงแค่   10 ก้าว (ขายาวๆ เยี่ยงsupermodelแบบน้องผักอ้วน) คุณก็จะพบกับMTR  สะดวกขนาดนี้ ยอมไหมล่ะค่ะ  600 บาท

เพื่อนน้องผักอ้วนมีบัตร ACCOR ยังจองได้แพงกว่านี้อีกง่ะ

วันพระไม่ได้มีหนเดียว  เนื่องจากเวลาที่ไม่พอเนื่องจากความสวยกระโดด ไปทิ่มตา ตม. ทำให้น้องผักอ้วนอดไปSOL . เป้าหมายแรกสำหรับวันแรกที่เหยียบแผ่นดินฮ่องกงนั่นก็คือ  ที่นี่เลยค่ะ Lady market  หรือตลาดน้องนี ...จริงๆเหนื่อยมากค่ะ แต่ยังไงก็ต้องฝืนสังขารค่ะ ไปเอาเคล็ด ประชด  ด้วย  

ลงสถานี Yau Ma Tei นะคะ

แวะทานร้านนี้หน่อยให้ชื่นใจหน่อยค่ะ ทุกอย่างเป็นมะม่วงหมดเลย  แปลกจังค่ะเมืองไทยมะม่วงเยอะเว่อร์ แต่ไม่ยักจะมีร้านแนวนี้ ต่างจากฮ่องกงเดินๆ ไม่เห็นต้นมะม่วงสักต้น แต่กลับมีร้านนี้แนวๆนี้แฟรนชายด์โผล่เต็มไปหมดยิ่งกว่าดอกเห็ด..งง

กระฉากอารมณ์กลับมาที่เช้าวันใหม่ค่ะ  มาถึงฮ่องกง ก็ต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ของฮ่องกงกันค่ะ จะเป็นที่ไหนนั้นเดี่ยวจะพาไปชมค่ะ


ซึ่งอย่าลืมซื้อบัตร Octopus นะคะ บัตรเดียวเที่ยวทั่วเกาะ สะดวกดี

รถไฟฟ้าบ้านเค้าค่อนข้างทันสมัยทีเดียวค่ะ   ซึ่งน้องผักอ้วนได้นั่งด้วยค่ะ สามีสั่งให้นั่ง ไม่ให้ยืนโหนเพราะกลัวจะไปสิงเสาบนรถเค้า อิอิ

ถึงจุดนี้ หลายคนที่ไปฮ่องกง คงครางคำว่า อ๋อออ  ขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย โฟกัสไปที่ป้ายนองปิงนะคะ ไมต้องดูน้องผักอ้วน เพราะวันนั้นไม่ค่อยสวยค่ะ ชุดที่เห็นนั่นเป็นชุดทำกับข้าวนะคะ

ยินดีต้อนรับค่ะ  .....

เกาะดีๆนะคะที่รัก น้องผักอ้วนยังไม่อยากได้ค่าสินไหมทดแทน

ได้มาแล้วค่ะ ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้  เพราะ ผู้ชาย แปลว่าจ่าย...

แต่จำได้คร่าวๆว่ามีสองราคาค่ะ คือกระเช้าแบบปกติ จะถูกหน่อยกับแบบพื้นเป้นใสๆ  ก็จะแพงกว่าค่ะ สงสัยเป็นค่าหลั่งอาดรีนาลีน

เป็นครั้งแรกของนองปิงค่ะ  คราวก่อนไปขึ้นสาย 23 ประหยัด  ขอบอกว่า เสียวมากมาย  ณ จุดนั้น กระเช้าเซนโตซ่าสิงค์โปร์หลบไปเลยค่ะ

ผ่านสนามบิน แอบระลึกถึงตม.ที่กักตัวเราเมื่อวาน พร้อมกับบอกกับตัวเองในใจ  เมื่อท้องฟ้าฮ่องกงสีทองผ่องอำไพ...กะเทยไทยจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ..ฮึ่มมม

ระหว่างทางที่กระเช้าล่องลอยไป แอบสัมผัสได้ถึงลมที่พัดมาวูบๆ

เลยแกล้งแอ๊บทำเป็นกลัว ซบสามีให้ชาวBP หมั่นไส้เล่น

ขอโทษค่ะ ผู้หญิงที่ว่าร้อยเล่มเกวียน แต่กะเทยน่ะ พันเล่ม

ส่วนคนถ่ายรูปให้ในตอนนั้น คาดว่าตอนนี้น่าจะยังแอทมิทอยู่ที่โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งเนื่องจาก คลื่นไส้อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง อิอิ

มองไปข้างล่างเห็นมีสะพานเป็นทางเดินด้วย    ซึ่งไม่แน่ใจนอกจากหงอคงกับตือโป๊ยก่ายที่บุกป่าฝ่าดงไปชมพูทวีปแล้ว บนโลกนี้ไม่ทราบว่าจะมีสักกี่คนที่ศรัทธาเดินขึ้นภูเขาสามลูกไปไหว้พระอีกหรือไม่

เหมือนเราใกล้จะมาถึงสุดปลายทางรักแล้วค่ะ   เห็นองค์พระใหญ่เด่นเป็นสง่ามากเลย แฟนเพิ่งเคยเห็นถึงกับอึ้งทึ่ง น้องผักอ้วนจริงๆเคยเห็นแล้ว แต่คราวนั้นหนีแฟนมาก็ต้องสวมวิญญานนักแสดงจากรัชดาลัยเธียเตอร์ทำ อู้หู้ อื้อฮือ ไปด้วย ไม่ลำบากอะไร กะเทยไทยทำได้ค่ะ......

กระเช้าจะพาเรามาจอดที่หมู่บ้านนองปิงซึ่งออกแนวโบราณๆ   เหมาะแก่การเดินเล่นชมไปเรื่อยๆเพราะตลอดทางจะร้านขายที่ระลึกและร้านอาหารต่างๆมากมาย  ซึ่งสภาพอากาศ ณ ตอนนั้น ขอบอกว่า ร้อนฆ่าใครไม่ทราบ   ยูวีอุลต้าไวโอเลทกะแทกหน้าน้องผักอ้วนมั่กๆ

ร้านนี้น้องผักอ้วนขอแนะนำนะคะ ใครมาไหว้พระใหญ่ แนะนำให้ via นะคะ มะม่วงอีกแล้วค่ะ   แต่มันเริ่ดนะคะ  ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล  มะม่วงธรรมดาน้องผักอ้วนไม่กินให้เปลืองท้องหรอก  


ชื่อร้านก็นะฮะ ..  เข้าไปนั่งแล้วยิ่งเพิ่มดีกรีจุดฉนวนความร้อนแรงให้กับทริปของน้องผักอ้วนเป็นยิ่ง

นี่เลยค่ะ เมนูแนะนำ เค้าเรียกว่าแพนเค้กมะม่วง คำคำเดียวที่น้องผักอ้วนจะให้นิยามของเมนูนี้นั่นก็คือ "เริ่ด"

อุ่ย  เพิ่งทาแป้งมา มือลื่น กดส่งรูปผิด ขอโทษด้วยนะคะ


อิอิอิอิอิ

ตัวแป้งจะมีกลิ่นมะม่วงนิดๆ ส่วนข้างในมันจะเป็นเนื้อครีม ตัดกับมะม่วงเปรี้ยวๆ หวาน  กัดไปเข้าไปคำนึง แล้วเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นที่เวลากินอะไรอร่อยๆ  ที่มีดาวลอยมาเยอะๆ แบบนั้นเลยค่ะ  

แอบตามรอยคนในห้องนี้ไปกินนะคะ เมนูนี้ ไม่ผิดหวัง กรีนตุ๊ดกู๊ดเทส ชิมแล้ว ผ่านค่ะ

อิ่มแล้ว งั้นเราตามแผนที่ไปไหว้พระกันดีกว่าค่ะ

แล้วสังเกตุแดดนะคะ คนจะกางร่มกันเกือบทุกคนเลย...

แต่ประทานโทษค่ะ พอมาถึงองค์ตรงบันไดจะขึ้นไปปรากฎว่า ต้องหยุดรอเกือบครึ่งชั่วโมง ขึ้นไปไม่ได้  แถมขึ้นไปตกได้อีก ตกแบบ one by one หยุดสามสิบวิ ตกสามสิบวิ   หนักชนิดที่ว่ามองไม่เห็นพระพักตร์ขององค์พระเลยค่ะ พูดแล้วจะหาว่าโม้

มันคงจะไม่แปลกอะไรมากมาย ถ้าทุกคนไม่ได้อ่านสิ่งที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้


นอกจากจะโดนตม.กักเป็นครั้งที่สอง   การที่ได้ขึ้นมาถึงบนฐานพระแล้วเจอพายุฝน ก็เป็นครั้งที่สองเช่นกันค่ะ แต่คราวก่อนหนักกว่าเพราะคราวก่อนเป็นพายุระดับแปดเลยค่ะ   สังเกตุจากลมที่พัดชุดราตรีของน้องผักอ้วนสิคะ ผมเผ้า กระจุยกระจาย สุดริด

จนแอบนึกว่าชาติก่อนเราคงไปกระทำผิดอะไรไว้บนเกาะลันเตาหรือป่าวไม่ทราบได้ ทำไมมาวัดพระใหญ่ สองครั้งถึงเจอเหตุการณ์เหมือนกันถึงสองครั้ง ในขณที่ระหว่างทางไม่ตกเลย อีกทั้งแดดร้อนมากๆด้วย


ภาพถ่ายนี้ ณ วันที่ 24 กันยายน 2551 ค่ะ

ดูสิคะ ฉ่ำสมิหราได้อีก มองในแง่ดีคือไม่ร้อน (แต่ก็ต้องวิ่งเข้าไปหลบใต้ฐานพระเป็นะระยะๆนะคะ- -")

 

และคงจะไม่แปลกมากมายไปอีก ถ้า พอลงมาแล้ว ปรากกฎฝนที่ตกแบบพิรุณพิโรธนั้นหยุดราวปาฎิหาริ์ย


Belive it or not?


เชื่อเถอะค่ะ!!!

มื้อเที่ยงเราฝากท้องกันที่ Out let ค่ะ แนะนำนะคะถูกและดีของจริงยิ่งกว่าฟู้ดแลนด์  ชั้น 2 ค่ะ เป็นฟู้ดคอร์ส    


สั่งวันตัน (เกี๋ยวกุ้ง) ราคาเบาๆ 25 hkd  มากินเบาๆ  ในวันเบาๆ (แต่เมื่อกี้ฝนตกหนักเว่อร์)

อิ่มท้องแล้วเป้าหมายต่อไปของเราคือดิสนีย์แลนด์ค่ะ

วิธีเดินทางก็ง่ายมาก เพียงแค่นั่ง MRT กลับระหว่างทางแวะลงที่ สถานี Sunny bay แล้วต่อรถไฟสาย Disneyland อยู่ไม่ไกลกันค่ะ



ผู้ชายกับมิกกี้เม้าส์  น่าเอ็นดูจัง อิอิ

ถึงแล้วค่ะ ค่าเข้าพันกว่าบาท อยากเข้าอยู่นะคะ แต่พักก่อนดีกว่า พี่มิกกี้ พี่กู๊ฟฟี่ และลุงโดนัลน์ สักวันคงได้เจอกันนะ  วันนี้เดี๋ยวขอมายืนถ่ายแอ๊บกับป้ายเฉยๆ ก่อน  ฮี่ๆๆ

หลังจากนั้นสองคนตายายก็เอาร่างผ่าเปลวแดดเพื่อไปยังที่นี่เลยค่ะ

The peak เพื่อตามรอยละครหยกลายเมฆ

วิธีเดินทางก็แค่นั่น MRT ไปลงสถานี Central แล้วเดินขึ้น
เขาไปยังสถานีรถราง Peak Tram เดินออกทางออกตัว K หรือ J นี่แหละค่ะ จะใกล้หน่อยนึง แต่ขากลับน้องผักอ้วนนั่งสาย 15 จาก peak ค่ะ มาส่งถึงตรงMTR เลย เพราะเดินไม่ไหวค่ะ

ตอนนั้นสังขารมันไม่ได้แล้ว

ซึ่งรอคิวรถรางนานนะคะเผื่อเวลากันไว้หน่อย อ่อสามารถใช้บัตร octopus ได้ค่ะ


ขอบอกว่าโชคร้ายยังคงสิงสู่กะเทยอยู่ค่ะเพราะว่าได้ร่วมพาหนะกับทัวร์อินเดียกรุ๊ปใหญ่ ที่ปิดmask นี่เพราะกลัวไข้หวัดก็ส่วนนึงนะคะ แต่จริงๆ ที่ปิดเพราะมันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้นค่ะ

สวยมากกก อ่า  โอโซนบริสุทธิ์ ขอสูดให้เต็มปอดชดเชยบนรถเมื่อกี้

วิวสวยมาก ขอดื่มดำให้คุ้มกับ 44 hkd ที่จ่ายไป...

ทริยา เบี่ยงซ้าย พอล เบี่ยงขวา


พระนางหยกลายเมฆตัวจริงมาแล้ว


แอบอายใต้วงแขนนิดๆ อย่าแซวนะคะ อย่าซูมด้วยเพราะจะเห็นรอยผ่าตัดเสริมหน้าอก

จริงๆอยากอยู่ร่ำบรรยากาศช่วงกลางคืนเพราะเห็นในรูปดูสวยงามมากแต่เราต้องชดเชยเวลาค่ะเพราะเนื่องจากเราต้องบวกโปรแกรม SOL เข้าไปในวันนี้ด้วย จึงรีบลงมาจากจุดชมวิวเพื่อหาวิวสวยๆถ่ายรูปกัน

ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้อง่ถายนะคะเป็นรถรางจำลองค่ะ  ซึ่งชอตนี้ก็ขอต้านค่ะ ซิลิโคนไทย VSซิลิโคนจีนแดง  ใครจะอยู่ใครจะไปต้องให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินนะคะ

อีกที่นึงของThe peak ที่ควรแวะ นั่นก็คือ มาดามทูซโซ่ค่ะ (คิดว่าคงเขียนผิดแน่ๆ )

ซึ่งสองคนพร้อมใจกันโพสท่าแย่งกันเอาปิดเป้าให้พี่เคิ้ลพร้อมกันดยมิได้นัดหมายค่ะ  (จิตพอกัน) แต่แฟนไม่ทันค่ะเพราะเรื่องแบบนี้น้องผักอ้วนไวกว่า อิอิ จะสงสารก็แต่คนที่ถ่ายรูปให้น่าดูเค้ากลัวๆ นิดๆ อยู่เหมือนกันนะคะ

เยื้องกับพิพิธภัณฑ์จะมีร้านอยู่ร้านนึงแนะนำให้ลองไปทานนะคะ เหมาะสำหรับเป็นขนมยามบ่าย อร่อยมากกกกกกกกกกกก ไม่แพงด้วย เค้าเรียกว่าToast อะไรสักอย่าง ทานกับน้ำชาร้อนๆ ได้อารมณ์ฮ่องก๊ง ฮ่องกงค่ะ

เสร็จแล้วนั่งรถรางลงมาข้างล่าง จะเจอสาย 15 เลยค่ะ ใครใครเดิน เดิน แต่น้องผักอ้วน ณ จุดนั้นถ้าคลานได้คลานแล้วค่ะ เหนือ่ยมากกก  แต่ก็ยังสู้ค่ะ นั่งMTR จากCentral มาลง Tsim Sha Tsui เลยค่ะ  เสร็จแล้วเดินย้อนมาทางอ่าวเกาลูน  น้องผักอ้วนก้ถามทางนั่นนี่บ้าง เรียกว่าทำเวลากันอย่างเฉียดฉิวเลยค่ะเพราะ SOL จะเริ่มแสดงตอน 2 ทุ่ม โอ้ยยย ชีวิตน้องผักอ้วนทำไมอาภัพแบบนี้ ทริปที่กิ๊กร่างให้มาย่างดีจบสิ้นอินทรีย์ ไม่เหลืออะไรเลย ฮืออ ตม.ไม่เข้าใจตุ้ม  


ที่เห็นนี่น้องผักอ้วนนะคะ ไม่ใช่เงือกตะกายบกที่ไหน ดึกแล้วก็ยังดูสวยอยู่นิดๆนะคะ ว่าไหม

ก็สวยดีค่ะใครยังไม่เคยดูก็แนะนำให้ไปดู มันก็เป็นไฟๆ  แต่ไม่รู้สิน้องผักอ้วนว่าเฉยๆ นะ  หรือน้องผักอ้วนคงชินกับแสงสีย่านสีลมซอยสองแล้วมั้ง

ดูจบแล้วก็เดินเข้าที่พักดีกว่าค่ะ เพราะดึกมากแล้ว


อิอิอิอิอิ


ชาตินี้จะมีบุญได้เอาก้นไปเกยเตียงเค้าป่าวนะ

มื้อเย้นของวันนั้นค่ะ หากินกันแถวย่านจิมซาจุ่ยนั่นแหละ กินกันตาย เป็นร้านอาหารที่เป็นแฟรนชายด์ เห้นมีหลายสาขาอยู่ ประมาณมนต์นมสดบ้านเรา วัยรุ่นไปกินกันเยอะๆ พอทานได้รสชาติก็กรุบกริบอยู่นะคะ

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนกลับ ไปก็ต้องลา มาก็ต้องไหว้ เดี๋ยวจะพาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่Repulse bay กันค่ะ

วิธีการเดินทางไปวัดนี้ค่อน้ข้างลำบากและไกลนิดหน่อยนะคะ  แต่ก็ไม่ลำบากจนเกินไปค่ะ เพียงแค่นั่งMTR มาลงสถานี Central ออกทางออก ตัวA  แล้วข้ามฝั่งมายังฝั่งตรงข้ามที่เป็น Exchange Squre ค่ะ ลงมาด้านล่างจะเป็นที่จอดรถเมล์เยอะๆ มายืนรอตรงป้าย อันได้แก่สาย 6 , 6A , 6X ไปได้สามสายค้ะ  ลงที่ป้าย Repulse bay ค่ะบอกคนขับได้

พอลงปุ๊บข้ามถนนเลยค่ะ จะเจอเนินๆ ให้เดินลงมาลงสุดที่เป็นชายหาด พอถึงหาดแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปเรื่อยๆ ประมาณห้าร้อยเมตรก็จะพบที่หมายค่ะ

แต่ถือว่าคุ้มค่ะ ได้มาสักการะเจ้าแม่กวนอิม  วัดนี้เค้ามีความเชื่อว่าขออะไรก็ได้หมดนะคะ

มีพระพรหมด้วยค่ะ

อันนี้ถือว่าเป็นที่สุดแล้วค่ะสำหรับที่นี่ มีความเชื่อว่าเป็นสะพานต่ออายุค่ะข้ามแล้วอายุจะยืนขึ้นอีกสามปี  แน่นอนงานนี้น้องผัก้อวนคงจะเป็นกะเทยที่โลกลืมอยู่ทำรีวิวกันจนเบื่อกันไปข้างนึงเพราะแอบข้ามไปแล้วค่ะ

ซึ่งระหว่างกำลังจะข้ามปรากฎว่ามีผู้หญิงญี่ปุ่นคนนึงค่ะ  เธอย้อนศรข้ามกลับมาอีกด้านนึง ซึ่งผลจะออกมาเป็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ...เตือนไม่ทันค่ะ

ปิดท้ายสำหรับทริปนี้ด้วยการshopping และหาของอร่อยทานค่ะ นั่งรถจาก Repulse มาลงที่จิมซาจุ่ย ตรงฝั่งป้ายเดิมกับที่เราลงรมานั่นแหละค่ะ จำได้คร่าวๆว่าสาย 973 ค่ะ

เพราะเราจะฝากท้องกันก่อนกลับด้วยร้านSweet dynasty ในหนังสือเที่ยวไม่ง้อทัวร์แนะนำมาค่ะ

ร้านก็หาไม่ยากค่ะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเฮอเบิลซิตี้เลย

เมนูนี้ที่ร้านแนะนำค่ะ เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดห่อด้วยปาท่องโก๋ ก็แปลกดีค่ะ แต่งงที่ว่าเค้าเอาไปนึ่งยังไงไม่ให้มันเละมากกว่า แต่รสชาติก็ไม่ได้กระโดดกระเด้ง หรือนึกแล้วอยากกินอีกอะไรนะคะ

ข้าวผัดค่ะ แพงสุดในโต๊ะ   55เหรียญ แต่จานใหญ่ยังกะจานทรูมูฟ

ของหวานเป็น ซาลาเปาทอดไส้ครีม  เอาจากความรู้สึกตัวเองนะคะ ตอบแบบไม่สร้างภาพไม่เกรงใจเลยนะคะ ...งั้นๆ อ่ะค่ะ

งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา ได้เวลาไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วเดินทางกลับสนามบินแล้วค่ะ...

เดินทางกลับด้วยสายการบินแอร์เอเชียค่ะ ดีเลย์นิดๆพอขำขำ แต่บริการดี ได้ใจน้องผักอ้วนเลยทีเดียว


สรุปทริปนี้เราสองคน happyมากค่ะ ทุกอย่างลงตัวหมดเก็บครบทุกอย่างที่อยากไป เจอฝนแค่ช่วงเดียวคือตอนขึ้นไปไหว้พระนอกนั้นโอเคค่ะ ร้อนนิดหน่อย แต่แฟนชอบค่ะ  สิ้นปีนี้เราจะไปกันอีกครั้งนึงเพราะอยากลองไปแบบหนาวๆ บ้าง   ยังมีรีวิวในส่วนของห้องพักที่สมุยที่ได้รับอุปการะคุณจากex ที่เบสเวสเทิร์นสมุยเบย์วิว ที่จะนำมารีวิวชมกันเร็วๆนี้


ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาติดตามชมและให้กำลังใจกันค่ะ ทุกเสียงคอมเม้นท์ และกิฟของท่านล้วนสร้างพลังใจให้กับน้องผักอ้วนนักรีวิวสาว  สำหรับวันนี้ขอตัวไปออกตั๋วไปประเทศเลบา"นอน" แล้วก็ทรานสิทที่เมือง อา"หลับ"ก่อนนะคะ ...